วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผลงานการประพันธ์ของอาจารย์ชำนาญ นิลสุข อาจารย์สมัยมัธยม ที่ล่วงลับ
ได้เคยบรรยายความหมายของวัวลานไว้
จำได้ว่า บล๊อกเกอร์"ครูนพพล" ก็ได้เคยเขียนไว้เกี่ยวกับ วัวลานเป็นกีฬา หรือไม่
 ก็ลองเข้าไปชมกันที่เอ็นทรี่ของอาจารย์เองนะครับ
ส่วนผมก็ขอนำเสนอในลักษณะความเป็นปกติของชาวเพชรบุรีต่อวัวลานนี้
ซึ่งไม่ได้มีแค่คนเก่าๆเท่านั้นที่นิยมกีฬาประเภทนี้ ชายวัย ..ฉะกัน.. ก็นิยมไม่แพ้กัน
 อ้อ.. ผมไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกครับ รุ่น..ฉะ..กัน จริงๆ ก็วัยรุ่นแรงๆ นี่แหละครับ
เช้าตรู่ ได้ยินเสียงโห่ร้อง สำเนียงแปลกๆ ของบรรดาหนุ่มๆ ที่มากับขบวนบรรทุกวัวลาน
หลังจากผ่านสมรภูมิ เสาเกียด มาเมื่อคืน
ชาวเพชรบุรี นิยมเลี้ยงวัวไว้ที่บ้าน เพราะส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา การเลี้ยงวัวถือเป็นอาชีพเสริม
สร้างรายได้ ได้ดีพอสมควร เพราะการเลี้ยงวัวบ้าน ธรรมดาๆ ก็แค่ปล่อยให้หากินตามทุ่งนา
เล็มหญ้า กินฟาง ไปตามเรื่อง พอได้ขนาด ก็ส่งขายกันไป
แต่ยังมีอีกกลุ่มนึง ที่นิยมกีฬาวัวลาน มักจะหาลูกพันธุ์จากแม่พันธุ์ที่ลักษณะดี
หรือคัดเลือก วัวเล็กที่ลักษณะดี เหมาะแก่การเป็นนักวิ่ง ขุนและฝึกซ้อมจนได้ที่
แล้วก็เสนอขายให้กับนักเล่นอาชีพ ตัวนึง ได้หลายตังมากอยู่ารคัดเลือกวัวดีๆสักตัว ต้องคัดอายุราว 4-5 ปี เป็นวัวไทยแท้นี่เหละ ต้องตัวดี
 หัวไหล่หนา บั้นเอวคอดเล็ก ขาเรียวเล็ก หน้ายาว ตากลมโตใส และอีกหลายอย่าง
แต่ก็มีลักษณะที่เป็นมงคลและไม่เป็นมงคลเหมือนกัน เขาให้ดูที่ขวัญ
หรือขนที่เป็นวงกลมในตำแหน่งต่างๆ ของคนเราก็อยู่ที่หัวนั่นไง
ตำรามีเรียกไว้หลายชื่อแล้วแต่ลักษณะรูปร่าง ถ้าเป็น "ขวัญดี" ซึ่งอยู่บนยอดหนอก
ก็มีเรียกว่า "จอมปราสาท" "แกมแก้ว" "ตะลุงพาด" หรือขวัญที่อยู่ระหว่างกลางเขา
ที่เรียกว่า "สามเขา" นักเลงวัวที่มีวัวประเภทนี้อยู่ มักจะเป็นสิริมงคลต่อตนเอง และครอบครัว
ส่วน "ขวัญร้าย" เขาเรียกว่า "ไฟพระอาทิตย์" หรือ "ษีจักร" "ธรณีจม"
เป็นขวัญที่ขึ้นอยู่ระหว่างตา เชื่อว่าจะให้โทษ วัวที่มีลิ้นสีแดงก็เข้าข่ายต้องห้ามเหมือนกัน
เมื่อได้วัวมาแล้ว ก็ต้องนำไปตอน หรือชาวบ้านเรียกกันว่า "ทุบกระโปกวัว" ก่อน
เพราะเชื่อว่าหากไม่ตอน มันจะไม่ค่อยเชื่อฟัง หรือฝึกและใช้งานยาก  อันนี้น่าจะมาจาก
การตอนทำให้วัวมันลดอาการติดสัด ที่มักจะคุมไม่ค่อยได้ ก็เป็นได้
ตอนเสร็จ ก็นำมา "ถอนตีน" หรือซ้อมในสนาม ให้รู้กำลัง ให้วัวรู้จักลู่ทางวิ่ง
 เพราะเจ้าของจะต้องรู้กำลังวัวแต่ละตัว เพื่อจัดตำแหน่งในราวให้ถูก
หากวางตำแหน่งไม่ถูกกับฝีตีน วัวนอกอาจวิ่งไม่ทันวันใน และเป็นตัวถ่วงให้เกิด
"คานหัก" หรือ วัวคานวิ่งไม่ออก จะแพ้วัวนอกเอาได้
จะต้องฝึกซ้อมกันร่วมปี กว่าจะนำมาลงสนามได้จริง วิ่งจนนิ่งไม่สะเปะสะปะ
จึงจะใช้ได้ เมื่อก่อนก็เล่นเป็นประจำปี ต่อมาได้รับความนิยมก็ เล่นได้ตลอดปี
แบ่งเป็น ออกพรรษาเรียก"ลานจริง"  แต่ช่วงเข้าพรรษาก็เรียก"ลานซ้อม"
การจัดแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเป็นปี ทั้งหาสถานที่ โฆษกเสียงดี คล้ายเชียร์เรือยาวครับ
แล้วประชาสัมพันธ์ให้เหล่านักเลงวัวได้เตรีมมตัว เตรียมข้อมูลกัน ส่วนใหญ่จะจัดกัน
คืน วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ งดแข่งวันพระ ซึ่งผู้จัดต้องไปขออนุญาติจัดเป็นงาน "มหรสพ"ด้วย
 สุดท้ายคือ"บอกวัว" หรือเชิญวัวเข้าร่วมแข่งขัน พื้นที่จัดต้องเป็นลานกว้างประมาณ 5 ไร่ ซึ่งก็มักเป็นนาข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว
ปรับพื้นให้เรียบ พรมน้ำ และโรยฟางบางๆ ให้ลานนุ่ม วัวที่วิ่งจะได้ไม่เจ็บกีบเท้า
สำคัญลานนั้นต้องมี "เสาเกียด" ปักอยู่กลางลาน เสานี้ต้องต้านแรงดึงจากวัว 19 ตัวได้
เป็นไม้เนื้อแข็งพวกเต็งรัง สูงตระหง่าน มีพีธีการปักเสา และ
เสานี้ห้ามถอนจนกว่ามันจะผุพังไปเอง
วันแข่ง เจ้าของวัวจะนำวัวออกมาขับถ่ายนอกคอก แล้วนำไปตากแดดอ่อนๆ
เรียก "กราดแดด" เพื่อให้วัวแข็งแรง สายๆ ก็วัวกลับคอก นอกจากวัวเด่น
ที่จะนำไปวิ่งตัวสุดท้ายของราวแล้ว ก็ยังมี "พวง" คือพรรคพวกที่มีวัววิ่งดี
แต่ยังไม่ใช่พระเอก ช่วงบ่ายๆแก่ๆจะต้องอาบน้ำให้วัวทุกตัว เพื่อให้กระปรี้กระเปร่า
แล้วจูงตากแดดตอนเย็นอีกครั้ง
ตอนหัวค่ำก่อนจะนำวัวออกลาน เจ้าของวัวจะแต่งตัวให้วัวอย่างสวยงาม
ใส่"เขารอง"ที่ถักจากไหมพรมหลากสี ครอบเป็นปลอกเขา
ที่หน้าผากวัวจะมีลูกไหมหลากสีห้อยเป็นพวก เรียก "คาดเพชร"
เอากันให้สวยว่างั้นเถอะ สุดท้ายก็ต้อง...โด๊ป+.+!!!
อย่าคิดว่าเป็นยาบ้าเชียวนะ วัวลานตัวเป็นแสนเป็นล้าน ขืนใช้ ได้เสียวัวพอดี
 เขาใช้ เครื่องดื่มชูกำลัง อย่างลิโพ กระทิงแดง นี่หล่ะ กับยาทัมใจ 3 ซองต่อ 1 ขวดต่อวัว 1 ตัว
และตบท้ายด้วยน้ำหวานสักหน่อย ให้วัวไม่เหนื่อยหอบง่าย  
เจ้าภาพจะกำหนดพวงที่เข้าร่วมแข่งไว้ ปกติจะมี 3 พวง พวงแรก"ท้องที่"
หรือเจ้าถิ่น อีก 2 พวง จะเป็นพวงรับเชิญ เรียกว่างานนึงจะต้องมีวัวลาน 80-120 ตัว
เมื่อพร้อม โฆษกสนามจะเรียกนายพวงหรือตัวแทนมาจับสลากจัดลำดับในการผูกวัว
 ใครได้เบอร์ 1 ก็จะเป็นผู้ผูกวัวก่อน แต่ตามมารยาท จะให้เจ้าถิ่นผูกวัวก่อน
การผูกวัว 1 พวง จะเล่นกันทั้งหมด 12 เปิด ในแต่ละเปิดจะมีวัวเข้าแข่ง 19 ตัว
ตัวที่ 1-17 เรียกว่า "วัวคาน"
ตัวที่ 18 เรียกว่า "วัวรอง"
และตัวที่ 19 เรียก "วัวนอก"
การแข่งอยู่ที่ วัวรอง กับ วัวนอก เท่านั้น ที่เป็นตัวประชันฝีเท้า ตัวอื่นๆเป็นตัวประคอง
ไม่ให้วัวรองกับวัวนอกวิ่งเข้าใกล้เสาเกียดเท่านั้น
เริ่มแข่งเจ้าของวัวจะนำวัวมาผูกกับเชือก "เนื่อง" หรือ "นาว" ที่ต้นเสาเกียด
 เรียงกันไปจนถึงตัวที่ 18 ต้องผูกให้ได้ระยะให้พอเหมาะ หากเน้นเกินไป
วัวคานจะวิ่งไม่ออก แต่หากห่างเกินไปวัวคานอาจจะ "ปลิ้น" หรือหลุด
ไปซ้อนทับกันได้ ครบ 17 ตัว ก็นำวัวรองกับวัวนอกเข้าลานผูกทับต่อจากวัวคาน
ความสนุกเริ่มต้นตรงนี้ เมื่อเอาวัวรองกับวัวนอกเข้าลาน ซึ่งก็คือคู่ชกนั่นแหละ
ดนตรีจะบรรเลงเชิดเสียงเพลงกันสนุก เจ้าของและลูกพวงก็จะใช้ประตักคอย
แทงให้วัวออกอาการ"ริก" หรืออาการทีได้วิ่งลาน ให้วัวตื่นตัว บางทีวัวบางตัวคึก
กระโจนเข้าใส่ฝูงคน ร้านค้า ขอบลาน ทำเอาคนดูเฮกันไปเฮกันมาสนุกสนาน
กลุ่มเจ้าของก็ต้องมีหน้าที่ปราบพยศวัว แล้วเอาไปผูก คนผูกวัวก็ต้องพยายาม
ไสวัวของตัวให้"ได้หน้า" หรือล้ำหน้าวัวรองเข้าไว้ เหมือนกับชิงความได้เปรียบ
เสียเปรียบแค่ปลายลิ้นแบบม้าแข่งไง
วัวพร้อมคนพร้อม โฆษกก็เริ่มให้สัญญาณปล่อยวัว เจ้าของวัวก็จะดึงบ้างปล่อยบ้าง
อาศัยชั้นเชิงชิงไหวพริบกันก่อนได้เปรียบและปล่อยวิ่งออกไป
การแพ้ชนะจะดูที่วัว 2 ตัว วัวรอง กับวัวนอก วัวตัวไหนวิ่งนำหน้า
และสามารถลากคู่แข่งได้จึงเป็นผู้ชนะ ดังนั้นจึงไม่มีกติกาว่าต้องวิ่งกี่รอบ 
วัวฝีตีนอ่อนไม่กี่รอบก็รู้ผล แต่ถ้าตัวเจ๋งๆ เจอกัน กว่าจะรู้ผล แข่งเสร็จวัวล้ม วัวน็อค ก็มี
ความสนุกสนาน มันก็แล้วแต่คนเชียร์ และเดิมพัน เรียกว่าหากวิ่งผ่าน 20 รอบ
ได้เฮ ได้ลุ้นกันเชียวหล่ะ...

วัวลาน
วัวลานเป็นการละเล่นพื้นบ้าน ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากการนวดข้าว มีแรงจูงใจ คือ เพื่อความบันเทิง และเพื่อฝึกกำลังเท้าของวัวให้แข็งแรงอยู่เสมอ
 
         วัวลานเป็นการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่งที่ใช้สัตว์เป็นอุปกรณ์ประกอบการเล่น เป็นการละเล่นพื้นบ้านชนิดหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี มีวิวัฒนาการมาจากการใช้วัวนวดข้าวในลาน ซึ่งลักษณะของลานนวดข้าวมีเส้นทางเป็นงากลม วัวที่อยู่ในใกล้จุดศูนย์กลางไม่ต้องใช้กำลังและฝีเท้ามาก เพราะอยู่ในช่วงหมุนรอบสั้น ส่วนวัวที่อยู่นอกสุด นั้นห่างจากจุดศูนย์กลางออกไป ระยะทางที่ต้องหมุนจะมีเส้นทางยาวกว่า จึงจำเป็นต้องเลือกวัวที่มีกำลังฝีเท้าดี จากลักษณะการนวดข้าวของชาวบ้านนี้เอง จึงมีผู้คิดค้นการละเล่นวัวลานขึ้นมาประกวดกันว่าวัวของใครมีฝีเท้าดีกว่ากัน เพราะวัวตัวที่ชนะการเล่นวัวลานจะมีราคาสูงกว่าใช้งานธรรมดา ปัจจุบับนี้ได้มีผู้ปรับเปลี่ยนเปลี่ยนการละเล่นวัวลานขึ้นใหม่ คือใช้คนแทนวัว องค์ประกอบการเล่น
 
1. สถานที่
สถานที่สำหรับเล่นวัวลานนั้นต้องเป็นลานกว้าง เรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวางหรือสิ่งที่ทำอันตรายแก่วัวได้
 
2. อุปกรณ์ที่ใช้เล่น
     2.1 เสาเกียรติ ทำด้วยเสากลม ต้องแข็งแรงพอที่จะต้านทานแรงดึงของวัว 18-19 ตัวได้ เสานี้จะ ปักกลางลานที่วิ่งสำหรับผูกวัวที่จะวิ่งแข่ง อาจมีการบวงสรวง ชุมนุมเทวดาด้วย ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว เหล้า และมะพร้าวอ่อน
    2.2 เชือกห่วงและเชือกพวน เชือกห่วงเป็นเชือกที่คล้องไว้ที่เสาเกียดสำหรับผูกวัว ส่วนเชือกพวน คือ เชือกที่ทาบคอวัวผูกติดกันเป็นราวแล้วผูกกับเชือกห่วงอีกทีหนึ่ง ขณะที่จะนำวัวผูกกับเสาเกียดนั้น เจ้าของวัวและคณะจะโห่เอาฤกษ์เอาชัย
   2.3 ราวพักวัว จะใช้ไม้ไผ่ผูกเป็นราวไว้
   2.4 วัวที่ใช้เล่นวัวลานจะมีลักษณะที่สำคัญ คือ เป็นวัวพันธ์ไทยเพศผู้ แข็งแรงอดทน ซึ่งเจ้าของจะต้องฝึกวัวให้คุ้นเคยกับคนจำนวนมากๆ เพื่อวัวจะได้ไม่ตื่นคน และจะต้องให้อาหารเสริม เช่น เกลือแร่ ไข่ น้ำมันตัปปลา กล้วยน้ำว้าแช่น้ำผึ้ง
- วัวนอก คือ วัวที่อยู่ปลายเชือกจะต้องคัดเลือกวัวที่มีพละกำลัง เพราะจะต้องวิ่งชนะวัวในให้ได้
- วัวใน คือ อยู่ถัดจากวัวนอก ตัวที่ 2-4จะต้องเลือกวัวตัวที่มีฝีเท้าดีเช่นกัน
- วัวคาน คือ วัวที่ติดอยู่กับตัวที่ 4 (วัวใน)เข้าไปถึงเสาเกียด มีจำนวน 14-18 ตัว มีหน้าที่ช่วยพยุงวัวนอกและวัวในให้แข่งขัน
 
3. วัววิ่งลาน
การละเล่นวัวลานจะมีผู้เข้าร่วมหลายคณะ การแข่งจะมี 2 ฝ่าย แล้วแต่คณะไหนจะตกลงแข่งขัน ฝ่ายหนึ่งว่าวัวรอง อีกฝ่ายเรียกว่าวัวนอก การเตรียมตัวของฝ่ายวัวรอง เจ้าของวัวจะคัดเลือกวัว จำนวน 17-20 ตัว เพื่อเตรียมรับฝ่ายนอกจำนวนวัวรองจะใช้กี่ตัวขึ้นอยู่กับเจ้าของวัวจะตกลงกัน แต่ต้องคัดเลือกวัวที่มีฝีเท้าดี ไว้นอก การเตรียมตัวของฝ่ายวัวนอก
       เจ้าของวัวจะนำวัวที่มีกำลังฝีเท้าที่ดีที่สุด มาผูกติดกับวัวรองเพื่อจะได้วิ่งแข่งกันว่าวัวตัวไหนดีกว่ากัน เมื่อเตรียมวัวเรียบร้อยแล้วก็จะเริ่มต้นการเล่น ซึ่งจะมีการโห่ขึ้นสามลา เพื่อเป้นการบอกสัญญาณการเตรียมพร้อม และจะมีสัญญาณขึ้นอีกครั้งหนึ่งของกรรมการ ซึ่งอาจจะยกธงก็ได้ แต่ไม่ควรใช้เสียงปืน เพราะจะทำให้วัวตกใจได้ วัวทั้งหมดจะถูกปล่อยออกจากมือเจ้าของ เจ้าของวัวจะต้องมีความคล่องแคล่วรุ้จักหลบหลีก บางครั้งหนีไม่พ้นก็ต้องนอนคว่ำหน้าให้วัวกระโดดข้ามไป ขณะปล่อยวัวนั้นเป็นตอนที่มีอันตรายมาก
        เมื่อปล่อยวัวไปแล้ว ถ้าวัวนอกวิ่งแซงวัวรองได้ในช่วงตัววัว และสามารถลากวัวรองไปได้อย่างไม่เป็นขบวน และทำให้วัวรองวิ่งหลุดจากระดับแถว แสดงว่าวัวนอกชนะ แต่ถ้าวัวรองสามารถวิ่งแซงและลากวัวนอกไปหนึ่งช่วงตัว และทำให้วัวนอกดิ้นหลุดจากแถว ก็ถือว่าวัวรองชนะ ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถวิ่งแซงซึ่งกันและกันได้ก็เสมอกัน
 
4. โอกาสที่จะเล่น
การเล่นวัวลานเดิมทีจะเล่นหลังจากว่างจากการทำนาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม และจะเล่นเมื่อใดหรือที่ใดก็ได้ แต่ในปัจจุบัน การละเล่นวัวลานหรือการแข่งวัวลาน มิได้อนุรักษ์ธรรมเนียมประเพณีที่บรรพบุรษได้สร้างสรรค์เอาไว้อย่างดีงาม กลับกลายเป็นการปลูกฝังในด้านการพนันขันต่อ และมีผลเสียเกิดขึ้นแก่สังคมส่วนรวม ควรจะได้มีการอนุรักษ์ในสิ่งที่ดีงาม้อาไว้ให้เป็นแบบอย่างของอนุชนรุ่นหลังสืบไป ดังนั้นทางราชการจึงได้กำหนดกฏเกณฑ์เอาไว้ว่าเมื่อจะมีการเล่นวัวลานควรจะได้ขออณูญาตก่อนทุกครั้ง  

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วัวลาน หรือ วัวระดอก เป็น การละเล่นพื้นบ้านในภาคกลางของไทย โดยใช้วัวพันธุ์ไทย มักจะเล่นในเวลากลางคืน เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่ทำงานในตอนกลางวัน การเล่นวัวลานใช้วัวที่มีอายุประมาณ 5-9 ปี วัวแต่ละตัวจะมีเครื่องประดับวัวที่สวยงาม สำหรับสถานที่เล่นวัวลานนั้น นิยมเล่นกันในผืนนาที่ร้างไม่มีการทำนาหรือที่บริเวณกว้างและเรียบ

ประวัติ[แก้]

การปลูกข้าวอาชีพหลักของคนไทยส่วนใหญ่ และชาวนาไทยก็ได้อาศัยแรงงานจากวัวไถคราด และงานอื่นๆ นอกผืนนา เช่น งานนวดข้าว ทำนาโดยใช้แรงงานจากวัว มานานถึงประมาณ 5,000 ปี เพราะวัวเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างใหญ่ มีแรงมาก เชื่อง ฝึกง่าย และกินหญ้าและฟาง วัวที่ใช้งานส่วนใหญ่ จะเป็นวัวตัวผู้ที่ตอนแล้ว ส่วนวัวตัวเมียเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์แล้วขายหารายได้ การใช้งานวัวของชาวนา วัวคู่หนึ่งสามารถไถนาได้เนื้อที่ ประมาณ 20 ไร่
การเล่นวัวลาน ได้มีวิวัฒนาการมาจากการใช้วัวนวดข้าว เพราะลักษณะลานนวดข้าวเป็นวงกลมเป็นดินเหนียวที่อัดแน่นเป็นพื้นเรียบ แล้วส่วนใหญ่ชาวนาจะทาพื้นด้วยมูลวัวอีกทีหนึ่ง วิธีการนวดข้าวนั้น ชาวนาจะแยกเมล็ดข้าวออกจากรวงหลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว โดยใช้แรงวัวมาช่วยนวดข้าว ชาวนาจะผูกวัวเรียงเป็นแถวหน้ากระดานไว้กับเสากลางลานบ้าน วัวที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลาง ไม่ต้องใช้กำลังและฝีเท้ามาก เพราะอยู่ในช่วงหมุนรอบสั้นวนเป็นรอบ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าข้าวจะหลุดออกจากรวงข้าวหมด แต่วัวตัวที่อยู่นอกสุดอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลาง ระยะทางที่ต้องหมุนจะยาวกว่า จึงต้องเลือกวัวตัวที่มีกำลังและฝีเท้าดีด้วยเหตุนี้ วัวหมุนรอบและเหยียบย่ำจนเมล็ดข้าวเปลือกหลุดออกจากรวงข้าว เมล็ดข้าวเปลือก วัวหมุนรอบและเหยียบย่ำจนเมล็ดข้าวเปลือกหลุดออกจากรวงข้าว เมล็ดข้าวเปลือกจะหล่นบนพื้นลานที่ปราบไว้ดีแล้ว การนวดข้าวจึงเกิดการละเล่นพื้นบ้านวัวลาน

วัวลานในปัจจุบัน[แก้]

การวัวลานในปัจจุบันนิยมเล่นในงานวัด เพื่อหารายได้ให้ทางวัด และในท้องนา จะเริ่มเล่นกันประมาณเวลา 22:00 - 8:00 น. วัวทั้งหมดจะวิ่งเป็นวงกลมรอบๆ ลานซึ่งมีเสาอยู่ตรงกลาง จะมีสองกลุ่ม ทั้งหมดมี 19 ตัว เรียกว่า วัวนอก กับ วัวคาน ซึ่งเป็น วัวที่มาร่วมเล่นด้วยโดยไม่แข่งขัน โดยที่วัวตัวในสุดจะเป็นวัวที่ตัวใหญ่ที่สุด และขนาดตัวของวัวก็จะมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ
วัวคานจะมี 18 ตัว (ตัวที่ 18 เรียกว่า วัวรอง) นำวัวคาน 18 ตัว มาผูก แล้วก็จะมีการต่อรองราคา (เพราะความเห็นไม่ตรงกัน)ของผู้ชมและเจ้าของ เมื่อการต่อรองเสร็จสิ้น ก็จะ นำวัวนอก (ตัวที่ 19) มาผูกวิ่งเป็นวงนอกสุด (ซึ่งมีระยะการวิ่งไกลมาก) หลังจากนั้นก็ปล่อยให้มันวิ่ง แล้วก็ใช้เหล็กแหลมแทงมันเพื่อกระตุ้นพลัง การแพ้ชนะคือ เช่น วัวนอกหมดแรง หรือ วัวคานเชือกหลุด หรือวัวรองโดนวัวนอกแซงแล้วเบียดเข้ามาข้างในแทนตำแหน่งที่ 18

การเตรียมความพร้อมของวัว[แก้]

เจ้าของวัวจะนำวัวของตนเอวมารวมกันแล้วต้อนขึ้นรถยนต์ ซึ่งเป็นรถบรรทุก จะบรรทุกวัวไปยังสถานที่เล่นวัวลานตามที่นัดหมาย ซึ่งเรียกกันว่า "ลานวัว" ระหว่างทางก็จะมีการโห่ร้องอย่างสนุกสาน เพื่อให้เกิดความครึกครื้น วัวอยู่ตรงกลางรถ คนจะอยู่ที่ท้ายรถ และด้านบนของหัวรถ เมื่อไปถึงลานวัวเป็นเวลาที่พลบค่ำ เจ้าของวัวจะนำวัวลงจากรถบรรทุกนำไปผูกไว้ยัง "ราวผูกวัว" ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้จัดให้มีการเล่นวัวลานเป็นผู้จัดเตรียมไว้ ซึ่งก็จะอยู่ติดกับ "ลานวัว"